Leading-self จะพัฒนาตัวเองได้ต้องเข้าใจตัวเองก่อน
:: เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเข้าร่วมคลาส Leading Self — A Personal Growth Workshop ซึ่งจัดโดย บริษัท Odd-e โดยมีวิทยากรคือคุณ Stanly Lau ซึ่งเป็น Certified Satir Coach และ คุณจั๊ว Chokchai Phatharamalai ซึ่งเป็น Agile Coach
:: ที่ไปเรียนคอร์สนี้เพราะอยากเข้าใจตัวเองและสิ่งที่ต้วเองต้องการให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่า skill การเข้าใจตัวเองและผู้อื่นนั้นจำเป็นมากสำหรับการทำงานและชีวิตส่วนตัว
“The more you know yourself, the more you understand others.” — Eleanor Roosevelt
:: และวันนี้ก็จะนำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา 2 วันมาแชร์ให้ทุกคนฟังกันค่ะ
รูปแบบการเรียนรู้
:: คอร์สนี้เป็น workshop ที่เรียนด้วยกันเป็นกลุ่ม โดยจะให้ทุกคนนั่งล้อมวงเหมือนทำ group therapy และวิทยากรก็สอนเนื้อหาสลับกับทำกิจกรรมเพื่อให้เข้าใจและลองปฏิบัติจริง เราจะได้ค่อยๆสำรวจตัวเองและแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมกลุ่ม
:: เนื่องจากในระหว่างเรียนจะมีการพูดคุยบอกเล่าความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ ฯลฯ ค่อนข้างเยอะ เราจึงมีข้อตกลงร่วมกันว่า
- จะไม่แชร์ข้อมูลที่เราได้ยินจากเพื่อนร่วมกลุ่มออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมร่วมกันเราจะเป็นผู้ฟังที่ดี ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า Appreciative Listening
:: จุดสำคัญ คือ
- หลีกเลี่ยงการแชร์เรื่องราวของตัวเองขณะที่กำลังฟังเรื่องของคนอื่น ถึงแม้จะคล้ายกันมากแค่ไหน ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างพลาดกันเยอะ เพราะโดยปกติเวลาเห็นว่าเรื่องหรือปัญหาที่เจอคล้ายกับเรา เราก็มักจะอยากพูดเพื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งจริงๆเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
- บางทีเราอาจจะเผลอคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาและอยากให้คำแนะนำออกไป ให้ห้ามตัวเองไว้ เปิดใจรับฟังสิ่งที่เขาอยากสื่อ รับฟังความรู้สึกของเขา และไม่ยัดเยียดวิธีแก้ปัญหาโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ
หลักจิตวิทยาพื้นฐานของคอร์สนี้
:: เนื้อหาในคอร์สนี้ตั้งอยู่บนหลักความเชื่อที่ว่า ทุกคนมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยหลักจิตวิทยาที่เป็นหลักการพื้นฐานของคอร์สนี้ ได้แก่
Satir’s Process
:: เป็นกระบวนการที่ย่อยมาจากวิธีการเยียวยาและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ Virginia Satir ซึ่งเป็นนักจิตบำบัดชาวอเมริกันและเป็นที่รู้จักจากการพัฒนาแบบจำลองการบำบัดทางจิตที่เรียกว่า Satir Model
:: ใน Satir’s Process มีทั้งหมด 6 ขั้นตอน
1. Making Contact 😌
:: คือการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 (หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ) เพื่อรับรู้ว่าร่างกายเรากำลังเป็นยังไง รู้สึกถึงลมหายใจ ความเครียดของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น ฯลฯ รวมทั้งรับรู้ถึงเสียงในหัวที่เกิดขึ้น พูดอีกอย่างคือ การอยู่กับปัจจุบันขณะหรือการมีสติ
2. Validating 🫨
:: คือการบอกได้ว่าขณะนั้นเรารู้สึกอะไร เช่น เมื่อรับรู้ว่าตัวเองหายใจถี่และหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็บอกได้ว่า ฉันกำลังรู้สึกเครียด เป็นต้น
:: นอกจากบอกความรู้สึกได้แล้ว ยังบอกได้ว่าคุณค่าหรือ value ที่เรายึดถือตัวไหนบ้างที่เป็นตัวการทำให้เรารู้สึกกับเหตุการณ์นั้นแบบนั้น
:: และอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลกับความรู้สึกของเรา ก็คือ resource หรือพลังงานชีวิต เช่น ถ้าเราเป็นคนที่มีพลังงานความขี้สงสัยเยอะ เมื่อเจอเหตุการณ์แปลกๆ เราอาจจะรู้สึกใคร่รู้ ในขณะที่คนอื่นอาจจะรู้สึกกลัว เป็นต้น
Example of Feelings: ตื่นเต้น, มั่นใจ, รำคาญ, เสียใจ, โกรธ, หวาดกลัว, อิจฉา
Example of Values: ความสำเร็จ, การเรียนรู้, การได้รับการยอมรับ, ความสงบสุข
Example of Resources: ความกล้าหาญ, ความหวัง, สติปัญญา, ความรอบรู้
3. Facilitate Awareness 🤔
:: ขั้นตอนนี้เป็นการพิจารณาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ว่าเพราะอะไรเราจึงมีความรู้สึกแบบนั้น ทำไมเราจึงยึดถือคุณค่าหรือมีพลังงานชีวิตแบบนี้ ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากตัวตนตามลักษณ์ของเรา การเลี้ยงดู กฏของครอบครัว/สังคม ประสบการณ์ วิธีการมองโลก เป็นต้น
4. Promote Acceptance👌
:: เมื่อเราบอกได้แล้วว่ารู้สึกอะไรและเพราะอะไร บางครั้งเราอาจจะไม่อยากยอมรับว่าเรารู้สึกแบบนั้นหรือคิดแบบนั้นเพราะมันไม่ควร เราจึงไม่ยอมรับหรือแสดงมันออกมา เช่น เรารู้สึกโกรธแม่ที่มายุ่งกับห้องนอนเพราะเราเชื่อในการเคารพ(respect)พื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน แต่ใจหนึ่งก็แย้งว่าไม่ควรโกรธเพราะแม่เป็นผู้มีพระคุณ เป็นต้น
:: การยอมรับตัวเองนั้นสำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่ยอมรับและปิดกั้นเราก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
5. Making Changes 😇
:: เมื่อเรารู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก และแรงขับภายในแล้วเราก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้โดยการเปลี่ยนแนวคิดหรือความเชื่อต่อสิ่งต่างๆเสียใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้อารมณ์/ความรู้สึกต่อเหตุการณ์เดียวกันเปลี่ยนไป ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
:: ซึ่งใน section ถัดไปจะมีตัวอย่างการนำ Satir Process ไปใช้เปลี่ยน defensive behaviors ให้เป็นการตอบสนองที่ดีขึ้น
6. Reinforcing Change 🔄
:: คือทำให้การใช้ Satir’s Process กลายมาเป็นนิสัยของเรา โดยการฝึกทำซ้ำๆ เช่น ฝึกสมาธิบ่อย ๆ เพื่ออยู่กับปัจจุบันขณะมากขึ้น ฝึกเขียนความรู้สึกตัวเองออกมา ฝึกวิเคราะห์แรงขับภายในของตัวเอง เป็นต้น
ลด Defensive Behaviors ด้วย Satir’s process
:: การนำ Satir’s process มาใช้ในการเปลี่ยนพฤติกรรมที่ค่อนข้างได้ผลดี คือ การนำมาใช้ปรับพฤติกรรมปกป้องตัวเองหรือ Defensive Behaviors ให้เป็นการตอบสนองที่เป็นกลางและตรงจุดมากขึ้น
:: เมื่อเราลองวิเคราะห์แรงขับภายใต้พฤติกรรมของเราด้วยกระบวนการด้านบน เราก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าอะไรเป็นแรงขับภายใต้พฤติกรรมนั้น และเมื่อนำ Satir’s Iceberg เข้ามาช่วยจะทำให้เห็นภาพสิ่งที่มีผลต่อกันเป็นทอดๆจนแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมได้ชัดขึ้น เมื่อเราเห็นว่าเราคิดอะไร เรามีมุมมองยังไง เรามีความเชื่อแบบไหน เราก็จะสามารถปรับมุมมองหรือความเชื่อและนำไปสู่การตอบสนองที่ดีขึ้นได้ ดังตัวอย่างด้านล่างนี้
:: จะเห็นว่าการเปลี่ยนมุมมองหรือความเชื่อต่อสิ่งต่างๆนำไปสู่การสนองที่ดีขึ้น ซึ่งการจะทำแบบนั้นต้องอาศัย
1. ความเข้าใจในตัวเอง ว่าเพราะอะไรเราถึงตีความสถาณการณ์แบบนั้นหรือมีความเชื่อแบบนั้น
2. ความเข้าใจผู้อื่นว่าทุกคนต่างมีมุมมองและวิธีแสดงออกที่ต่างกัน และเปิดใจให้กว้างสำหรับมุมมองที่ต่างจากความเคยชินของเรา
สรุป
:: สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคอร์สนี้คือ เราจะเป็นผู้นำหรือจะพัฒนาตัวเองได้ต้องเริ่มจากการเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งก่อน เมื่อเราเข้าใจตัวเองแล้วเราก็จะสามารถให้ทางเลือกหรือว่าปรับมุมมองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นจะนำไปสู่การรับมือหรือตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
With AWARENESS, you can more fully access your INNER RESOURCES.
With greater access to your resources, you gain NEW PERSPECTIVES.
With new perspectives, you increase your CHOICES.
With new choices, you can see NEW POSSIBILITIES.
— Sharon Loeschen, Enriching Your Relationship with Yourself and Others
:: สำหรับเราแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือ การมีสติรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง และมีสมาธิมากพอที่จะคิดวิเคราะห์ลึกลงไปว่ามันเกิดจากมุมมอง/การตีความ/ความเชื่อ/นิสัย อะไรที่เป็นแรงขับอยู่ภายใน จุดนี้คิดว่าต้องอาศัยการฝึกฝนมากๆ
:: สุดท้ายนี้ หวังว่าสิ่งที่นำมาแชร์จะพอเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ พบกันใหม่เมื่อมีเรื่องอยากแชร์และขยันเขียนบทความค้าาา
Reference
- หนังสือ Enriching Your Relationship with Yourself and Others by Sharon Loeschen
- การ์ตูนที่เข้าใจง่ายมากๆเกี่ยวกับสติ